อยากรู้รายละเอียดของงาน....โทรไปถามได้ไหม?
งานหลักของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลทุกบริษัท คงหนีไม่พ้นการเป็น "โอเปอเรเตอร์ (จำเป็นแบบถาวร)" ตราบใดที่บริษัทยังต้องรับพนักงานใหม่อยู่และคงต้องรับกันทั้งปี ยากมากที่องค์กรใดองค์กรหนึ่งจะนิ่งได้นาน เมื่อมีคนออกก็ต้องมีคนเข้าเป็นวัฎจักรที่สรรพสิ่งในโลกไม่สามารถหลีกหนีได้เลย

คุณไม่ต้องลังเลใจ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่สนใจสมัคร ไม่มีใครให้คำตอบได้ดีและถูกต้องมากไปกว่าบริษัทนั้นๆ ไม่ต้องกลัวเขาหาว่าคุณถามอะไรไม่เข้าเรื่อง ถามอะไรที่คนอื่นไม่ถามกันฉันขอย้ำ...การจ้างงานอยู่บนพื้นฐานความเต็มใจและพึงพอใจของทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง ดังนั้นคุณอย่ารู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายด้อยกว่ามีอำนาจต่อรองน้อยกว่า หากคุณไม่พึงใจกับงานที่ต้องทำแล้ว ใครจะมาบังคับให้ทำคงไม่ได้เหมือนกัน ทางเดียวที่จะรู้ว่างานนั้นคืองานที่ทำให้คุณพึงใจได้หรือไม่...คุณต้องหาข้อมูล

กดหมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทที่จดเอาไว้ใน "สมุดบันทึกการสมัครงาน" หลังจากที่เตรียมคำถามที่อยากรู้ไว้เรียบร้อยแล้ว การเตรียมจะทำให้คุณไม่ลืมคำถาม ไม่พลาดข้อมูลต่างๆ ที่อยากรู้ ฉันเจอมาหลายสาย ถามไป สับสนกับตัวเองไป จำไม่ได้ว่าถามอะไรไปแล้วบ้าง แล้วอะไรที่ยังไม่ได้ถามคนตอบอย่างฉันก็งง พอวางหูไปไม่ถึงครึ่งนาทีเสียงเดิมก็กรอกผ่านสายมาว่า "ขอโทษค่ะ...ที่โทรมาเมื่อกี้ลืมถามว่า..." เป็นงั้นไป เสียดายค่าโทรศัพท์แทนที่ต้องเสียให้กับเรื่องไม่จำเป็น ไม่อยากรับสายแบบนี้อีกแล้วล่ะ ถ้าคุณจะโทรมาหาฉันก็เตรียมๆคำถามไว้ก่อนนะ...ถือว่าของร้องแล้วกัน

มั่นใจหน่อย...บอกแล้วไม่ต้องกลัว คุณไม่ได้ทำผิดอะไรคนไม่รู้ไม่ใช่คนผิด อยากรู้อะไรก็ถาม ตอบได้จะตอบ แต่ถ้าตอบไม่ได้ก็จะชี้แจงเหตุผล ฉันไม่เข้าใจเลย ทำไมน้ำเสียงของหลายสายฟังดูไม่มั่นใจ ลนลานเหมือนไปทำผิดที่ไหนมาสักแห่งนอกจากฟังไม่รู้เรื่องแล้วยังทำให้อารมณ์ผู้รับสายอย่างฉันขุ่นมัวอีกด้วย จึงขอเพิ่มข้อแน่ะอีก 1 ข้อคือ ตั้งสติให้ดีก่อนยกหู

ฝ่ายบุคคลเท่านั้นที่เป็นผู้ให้ข้อมูลของตำแหน่งงานแก่คุณจึงไม่จำเป็นที่คุณต้องถามคำถามกับโอเปอเรเตอร์...เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยมาก จนบางครั้งปลายสายโวยวายเมื่อฉันรับสาย "ผมถามไปแล้วกับคนเมื่อกี้จะให้ถามซ้ำอีกทำไม?" เรื่องของเรื่องคือหนุ่มเลือดร้อนท่านี้กดโทรศัพท์มาที่บริษัทตามหมายเลขที่ให้ไว้ในประกาศรับสมัครงานซึ่งก็ถูกต้อง แต่สาเหตุที่ทำให้เขาต้องโวยวายอย่างที่เห็นเพราะเขาไปถามคำถามกับโอเปอเรเตอร์ก่อนที่เธอจะโอนสายให้ฉันนะสิ ฉันไม่โทษเขา ก็เขาไม่รู้นี่....

หมายเลขโทรศัพท์ที่บริษัทต่างๆ ให้ไว้ในประกาศรับสมัครงานทุกช่องทาง ส่วนใหญ่เป็นหมายเลขกลางของบริษัทถ้าคุณมั่นใจว่ายังไม่ได้กดต่อหมายเลขภายใน แสดงว่าสายนั้นยังไม่ถูกส่งไปฝ่ายใดๆทั้งสิ้น (รวมทั้งฝ่ายบุคคลด้วย) คนที่รับจึงเป็นโอเปอเรเตอร์ คุณสามารถแจ้งให้เธอต่อสายไปยังฝ่ายบุคคลได้ แล้วจึงค่อยถามคำถามที่คุณอยากรู้ จะได้ไม่ต้องถามซ้ำให้เสียอารมณ์ไงล่ะ ดีกว่าไหม...

อย่าถามว่า "ตอนนี้บริษัทกำลังรับสมัครตำแหน่งอะไรบ้างคะ?" ถ้าคุณเจอเจ้าหน้าที่ที่ซื่อมากๆ เขาอาจกางหนังสือสมัครเล่มที่คุณก็มีอยู่ในมือตอนนั้นแล้วอ่านให้คุณฟัง ถ้าขณะนั้นบริษัทเปิดรับ 20 ตำแหน่ง คุณต้องตั้งใจฟัง ถ้าขณะนั้นบริษัทเปิดรับ 20 ตำแหน่ง คุณต้องตั้งใจฟังจนกว่าเขาจะอ่านจบนะ ห้ามขัดเดี๋ยวเขาน้อยใจแย่ ทางที่ดีคุณควรเปลี่ยนคำถาม "ดิฉันจบด้านสนใจตำแหน่ง...ไม่ทราบว่ายังเปิดรับอยู่หรือเปล่าคะ?"หรือถ้ายังไม่รู้ว่าสนใจตำแหน่งอะไรเป็นพิเศษลองถามว่า "ดิฉันจบด้านมนุษยศาสตร์ ไม่ทราบว่าตอนนี้มีตำแหน่งอะไรที่เหมาะสมกับดิฉันบ้างคะ ?" ฟังดูง่ายและดีกว่าตั้งเยอะ สบายใจทั้งคนถามและคนตอบ...รับรองได้ เจ้าหน้าที่เขามีคำตอบที่ดีให้คุณแน่นอน

เมื่อตำแหน่งที่คุณสนใจ ตำแหน่งที่เหมาะสมกับคุณยังว่างอยู่ ถึงเวลาแล้วที่จะเจาะลึกรายละเอียดของตำแหน่งนั้นๆ เท่าที่คุณอยากรู้ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบของงาน คุณสมบัติของผู้สมัครเบื้องต้นที่บริษัทต้องการ ฝ่ายที่คุณต้องไปสังกัด สวัสดิการต่างๆ การประกอบธุรกิจของบริษัท และอื่นๆ อีกมากมาย

คุณถามได้ทุกคำถามแต่อย่างละเอียดมากจนดูคล้ายมาสืบหาฆาตกรที่ฆ่าสุนัขจรจัดข้างบ้านคุณ ถ้าอยากรู้เรื่องที่ลงในรายละเอียดมากๆ ขอให้จดจำคำถามนั้นไว้ แล้วนำมาถามในวันสัมภาษณ์งานจะดีดว่า ข้อมูลที่คุณได้รับจากผู้สัมภาษณ์ในวันนั้นไม่มีประโยชน์และช่วยให้คุณตัดสินใจอะไรได้ดีกว่าข้อมูลที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ในวันนี้แน่นอน

เมื่อรู้รายละเอียดของตำแหน่งที่สนใจแล้ว และอยากถามเส้นทางการเดินทางไปสมัครงานที่บริษัท อย่าเริ่มคำถามว่า "รถเมล์สายอะไรผ่านบริษัทบ้างคะ?" เหมือนเดิม ถ้าเจ้าหน้าที่คนนั้นซื่อขึ้นมาอีกครั้ง คุณจะได้รับคำตอบที่ยาวเป็นพืดจนอาจทนฟังต่อไม่ได้ ลองเปลี่ยนเป็น "ดินฉันจะเดินทางจาก...(สถานที่)...ไม่ทราบว่ามีรถเมล์สายอะไรผ่านบ้างคะ?" หรือถ้าคุณมีรถส่วนตัวก็ถามว่า "ตอนนี้ดินฉันอยู่ที่...(สถานที่)...จะขับรถไปเอง ไม่ทราบว่าจะไปอย่างไรคะ?" โดยพยายามถึงสถานที่สำคัญที่อยู่ใกล้ๆกับบริษัท แล้วคุณจะได้รับคำตอบที่อยากรู้

จุดเริ่มต้นที่คุณบอกต้องเป็นที่ที่รู้จักกันดี เป็นจุดสำคัญที่ใครๆ ก็รู้ไม่ใช่ชื่อซอยเล็กๆที่คุณอยู่ เจ้าหน้าที่ไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ไม่รู้หรอกว่าคุณอยู่ตรงมุมไหนของประเทศ ขยายความให้ใหญ่ขึ้นอีกนิด ให้เขาพอมองภาพออก ซึ่งถ้าไม่มีสายรถเมล์ผ่านโดยตรง เขาอาจแนะนำให้คุณมาต่อรถที่จุดสำคัญที่ใกล้กับจุดตั้งต้นที่คุณบอกไว้ในตอนแรก

ถ้าฟังไม่เข้าใจ สับสน ขอให้ถามย้ำอีกครั้งจนเข้าใจตรงกัน ไม่ต้องกลัวเสียเกียรติ กลัวถูกหาว่าเป็นพวกฟังไม่รู้เรื่องเลยไม่กล้าถาม เข้าใจเอง เออออเองพอวางหูทบทวนอีกทีปรากฏฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำอย่างไรล่ะ นอกจากรออีกสัก 2 ชั่วโมงค่อยโทรไปใหม่เผื่อคนรับสายไม่ใช่คนเดียวกับเมื่อครู่ จำเสียงเราไม่ได้หรอก...เฮ้อ เศร้าใจ เสียทั้งเวลา เสียทั้งเครดิต

"เตรียมคำถาม ตั้งสติ พกความมั่นใจ มีศิลปะในการพูด" กฎเหล็กมีอยู่เท่านี้ ถ้าทำได้คุณจะได้รับคำตอบทั้งหมดที่อยากรู้หลังจากวางหู (ครั้งแรกและครั้งเดียว) แน่นอน มากไปกว่านั้นคุณอาจได้รับข้อมูลพร้อมคำแน่ะนำดีๆ มากมายอย่างไม่คาดฝันมาก่อนจากปลายสายก็ได้นะ...



ขอขอบคุณ...คุณปนัฎดา สังข์แก้ว
จากหนังสือ "กลยุทธ์เด็ด คว้างานดี ชีวิตนี้ไม่มีเตะฝุ่น."
เจ้าของผลงานล่าสุด..."คู่มือคนหางาน 108-1009 ตอบปัญหาคาใจ"

BuddyJob.com © Copyright 2004-2024 All right reserved. | ข้อตกลงการใช้บริการ |