จากกรณีนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ออกมาเปิดเผยได้ส่งรายชื่อและข้อมูลการลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ ทั้งกรมสรรพากร สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (แบงก์รัฐ) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และกรมการปกครอง ตรวจสอบความเป็นตัวตน และรายการทรัพย์สิน ทั้งรายได้และบัญชีเงินฝาก ซึ่งรายชื่อผู้ลงทะเบียนที่ส่งให้ตรวจสอบมีกว่า 11 ล้านราย จากผู้ลงทะเบียนทั้งหมด 14 ล้านราย คาดว่าการตรวจสอบส่วนที่เหลือ และสรุปผู้ผ่านคุณสมบัติเบื้องต้นจะใช้เวลาประมาณ 1 เดือน
สำหรับมาตรการที่ให้สวัสดิการแก่ผู้ลงทะเบียนผ่านบัตร ที่กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างดำเนินการ และเริ่มแจกได้วันที่1ต.ค.นี้ เบื้องต้นเป็นสวัสดิการขั้นพื้นฐาน เช่น ลดค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้า รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี และจะหารือผู้ประกอบการร้านธงฟ้าให้ผู้มีรายได้น้อย ซื้อสินค้าในร้านธงฟ้าได้ ส่วนผู้มีรายได้น้อยที่ต่ำกว่าเส้นความยากจน หรือต่ำกว่า 3 หมื่นบาทต่อปี มีอยู่ราว 3 ล้านราย จะมีการพิจารณาเพิ่มความช่วยเหลือให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ และหากช่วยเหลือได้จะทำให้กลุ่มนี้มีรายได้มากขึ้นจนอยู่เหนือเส้นความยากจน
อย่างไรก็ตามกรณีการจัดทำแนวทางเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ซึ่งได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดหาแหล่งเงินเพิ่ม
นอกเหนือจากการให้ผู้สูงอายุที่มีฐานะสละสิทธิ์รับเบี้ยคนชรา เพื่อเข้ากองทุนชราภาพที่มีอยู่เดิมนำไปเพิ่มให้ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ซึ่งเงินที่มาจากภาษีบาป ก็ยังเป็นแนวคิดหนึ่งในแหล่งเงินใหม่นี้
