ข้อมูลที่ปรากฎเป็น "ไม่เปิดเผย" ข้อมูลจะเปิดเผยเฉพาะสมาชิกเท่านั้น สำหรับสมาชิกต้องทำการ เข้าระบบ ก่อน หรือ
ต้องการสมัครสมาชิก ดูวิธีการสมัครและอัตราค่าสมาชิกได้ที่นี่

  ข้อมูลส่วนตัว   [ID : 172523]    (ปรับปรุงประวัติล่าสุดเมื่อ 21 มี.ค. 2557)   (หางานครั้งล่าสุดเมื่อ 18 ธ.ค. 2555)
ชื่อ - นามสกุล : ไม่เปิดเผย
วันเกิด : 24 สิงหาคม 2522 / อายุ 46 ปี
ส่วนสูง : ส่วนสูง : 163 ซม. น้ำหนัก : 81 กิโลกรัม
เพศ : หญิง
สถานะสมรส : โสด
สัญชาติ : ไทย
ศาสนา : พุทธ

  ข้อมูลในการติดต่อ
E-mail : ไม่เปิดเผย
ที่อยู่ : ไม่เปิดเผย
จังหวัด : นนทบุรี
รหัสไปรษณีย์ : ไม่เปิดเผย
โทรศัพท์ : ไม่เปิดเผย
มือถือ : ไม่เปิดเผย
Fax : ไม่เปิดเผย

  ความพร้อมในการเริ่มงาน
พร้อมทำงาน : เริ่มทำงานได้เลย
สถานะการทำงาน : ว่างงาน

  ประวัติการศึกษา
ปัจจุบัน : จบการศึกษาแล้วในปี พศ. 2546
1. การศึกษาสูงสุด
ระดับการศึกษา : ปริญญาตรี
ชื่อสถานศึกษา : สถาบันราชภัฏสวนดุสิต
วุฒิการศึกษา : ศิลปศาสตรบัณฑิต
สาขาวิชา : นิเทศศาสตร์(วารสารศาสตร์)
เกรดเฉลี่ย (GPA.) : 3.05
2. การศึกษาก่อนหน้า
ระดับการศึกษา : มัธยมศึกษาต้น-ปลาย
ชื่อสถานศึกษา : โรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม
วุฒิการศึกษา : มัธยมศึกษาตอนปลาย
สาขาวิชา : วิทย์-คณิต
เกรดเฉลี่ย (GPA.) : 2.15

  ตำแหน่งงานที่ท่านสนใจ
สาขาวิชาที่ได้ศึกษามา : นิเทศศาสตร์ - สื่อสารมวลชน
ประเภทงานที่สนใจ : 1. นักข่าว - บรรณาธิการ - นักเขียน - แปลภาษา
2. งานโฆษณา - Creative - ช่างภาพ
3. ธุรการ - ประสานงาน - คีย์ข้อมูล
ตำแหน่งงานที่สนใจ : 1. Copy writer
2. นักข่าว
3. กองบรรณาธิการ
ลักษณะงานที่ต้องการ : งานประจำ (Full Time)
งานนอกเวลา (Part Time)
งานอิสระ (Freelance)
งานสำหรับนักศึกษาฝึกงาน (training)
ระดับเงินเดือนที่ต้องการ : 18000 บาท

  ประวัติการทำงาน
ประสบการณ์ทั้งหมด : 5 ปี
1. ประสบการณ์ทำงาน
เริ่มจาก : มิถุนายน 2552  ถึง มิถุนายน 2554
บริษัท : ไม่เปิดเผย
ที่อยู่บริษัท : ลาดปลาเค้า 32
ตำแหน่ง : ประสานงานกราฟฟิก
เงินเดือน : ไม่เปิดเผย บาท
ลักษณะงานที่ทำ : - ติดต่อประสานงานภายในบริษัท กับแผนกต่างๆ
- ดูแลกระบวนการรับ-ส่ง งานของแผนกกราฟฟิก
- ติดประสานงานภายนอกกับซัพฯ ต่างๆ ทั้งโรงพิมพ์, นิตยสาร, หนังสือพิมพ์, เจ้าหน้ากองควบคุมเครื่องมือแพทย์, เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเครื่องสำอาง
- คิดข้อความ คำเชิญชวน ของเวชสำอาง เพื่อนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ ทั้งการโฆษณา, แผ่นพับ
- แก้ไขข้อความ รีไรท์ข้อความเพื่อนำเสนองานก่อนลงโฆษณา
- ตรวจสอบความถูกต้องของข้อความ, ชื่อผลิตภัณฑ์, ราคาสินค้า ก่อนผลิตงานจริง
- ตรวจปรู๊ฟจากโรงพิมพ์
2. ประสบการณ์ทำงาน
เริ่มจาก : มีนาคม 2548  ถึง พฤศจิกายน 2549
บริษัท : ไม่เปิดเผย
ที่อยู่บริษัท : 1765 ถนนรามคำแหง หัวหมาก บางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
อาคาร จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ เพลส ชั้น 15 ถ.สุขุมวิท 21 (อโศก) เขตวัฒนา เขตคลองเตยเหนือ กทม.
ตำแหน่ง : Copy writer
เงินเดือน : ไม่เปิดเผย บาท
ลักษณะงานที่ทำ : คิดคำเชิญชวน ให้สินค้า ชุดชั้นใน จิวเวลรี่ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทุกวัน สำหรับสินค้าใหม่ๆ คิด Headline คิดรายละเอียดของข้อมูลสินค้า เพื่อให้ลูกค้าสนใจ และเลือกซื้อ
3. ประสบการณ์ทำงาน
เริ่มจาก : มีนาคม 2547  ถึง ตุลาคม 2547
บริษัท : ไม่เปิดเผย
ที่อยู่บริษัท : อาคาร รพ.ยันฮี 454 บางพลัด
ตำแหน่ง : ผู้สื่อข่าว(กองบรรณาธิการ)
เงินเดือน : ไม่เปิดเผย บาท
ลักษณะงานที่ทำ : ออกไปทำข่าวนอกสถานที่ ถ่ายภาพเอง ติดต่อประสานงานเองทุกอย่าง จนกระทั่งนำข่าวกลับมาเขียนเพื่อขึ้นเว็บเองอีกทั้งยังเขียนบทความท่องเที่ยว, ร้านอาหาร, และบทสัมภาษณ์ต่างๆเองทั้งหมด

  ประวัติการฝึกอบรม
1. ประวัติการฝึกอบรม
เริ่มจาก : พฤษภาคม 2550  ถึง กันยายน 2550
สถาบัน : Sydney Practical English
หลักสูตร : Real worl genaral english

  ความสามารถ
ความสามารถทางภาษา
ภาษา พูด อ่าน เขียน
1. ภาษาไทย ดี ดี ดี
2. ภาษาอังกฤษ ดี ดี พอใช้
ความสามารถอื่นๆ
พิมพ์ดีด : ภาษาไทย 35 คำ/นาที         ภาษาอังกฤษ 30 คำ/นาที
ความสามารถในการขับขี่ : รถยนต์ , รถจักรยานยนต์ ,

  โครงการ - ผลงาน - เกียรติประวัติ - บุคคลอ้างอิง
โครงการ - ผลงาน - เกียรติประวัติ : ผลงาน : สัมภาษณ์งานนอกสถานที่ เพื่อนำข้อมูลมาเขียนบทความ 4 คอลัมน์

108 ไอเดีย
เด็ดดอกไม้เก็บใบหญ้ามาเพิ่มค่าไฟประดับ (คอลัมน์ 108 ไอเดียส์)
วันนี้เรามีโอกาสได้มาเดิน ณ สวนจตุจักร ตลาดนัดกลางกรุง ที่น้อยคนนักจะไม่เคยมาเดิน การเดินลัดเลาะดูร้านรวงต่างๆยังไม่ทันเหงื่อซึมก็มาเจอกับร้าน “จิดา ไทยคราฟท์” ร้านที่มีของขายมากมายหลายหลาก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นงานแฮนด์เมดทั้งสิ้น แต่สิ่งที่สะดุดตาเรา กลับเป็นสายไฟระโยงระยาง ดูหลากตานานาชนิด พอสอบถามถึงได้รู้ว่ามันคือ “ไฟประดับ”
คงไม่มีใครปฏิเสธหรอกนะว่าเมื่อเข้าสู่หน้าเทศกาลต่างๆ สิ่งแรกที่เราสามารถพบเห็นก็คือการประดับประดาด้วยไฟนานาชนิดโดยเฉพาะไฟประดับ เรียกว่าเทศกาลไหนๆก็ไม่เคยขาดแสงสี ไฟประดับไม่เพียงสร้างความสวยงาม ยังเพิ่มความคึกคักให้กับเทศกาล ที่สำคัญเก็บรักษาง่ายไม่ใหญ่โตมากเกินไป จึงยังครองความนิยมไม่เสื่อมคลาย
คุณสุภากร โตสมบูรณ์ หรือคุณแอน เล่าให้เราฟังว่าได้เปิดร้านนี้มา 10 กว่าปีแล้ว ของที่ขายในร้านก็จะมีทำเองบ้างและป้อนงานให้แหล่งวัตถุดิบบ้าง แล้วแต่ชนิดของงาน
สำหรับไฟประดับเป็นสินค้ายอดนิยมของชาวต่างชาติ เพราะจากสายไฟสีเขียว ดวงไฟสีส้มแสบตาธรรมดาๆ เราก็สามารถนำมาดัดแปลงให้มีราคามีค่ามากขึ้น โดยการนำวัตถุดิบต่างๆที่เห็นว่าน่าจะเข้ากันได้กับไฟประดับมาแต่งเติมเสริมสวยให้กับสายไฟ
ที่ร้านจะมีหลายแบบเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ที่ทำจากใบยางพารา อย่างเช่นดอกกุหลาบตูม กุหลาบบาน กุหลาบป่า ดอกฝิ่น ส่วนดอกไม้ที่ทำจากใบลานก็จะมีดอกชบา และดาวกระจาย และยังมีแบบอื่นๆอีกอย่างเช่นกล่องกระดาษสา โคมด้าย ก็แล้วแต่ความชื่นชอบของแต่ละคน สนนราคาก็ไม่แพงขึ้นอยู่กับความยากง่ายของขั้นตอนการทำ
อย่างเช่นไฟประดับกล่องกระดาษสา ก็จะใช้ลวดพันเป็นสี่เหลี่ยมพร้อมกับกระดาษสา ราคาตกเส้นละ 350 บาท ส่วนไฟประดับดอกฝิ่นนั้นทำง่ายกว่า บวกกับค่าวัสดุก็ไม่แพงมากราคาจึงอยู่ที่เส้นละ 190 บาท เห็นไหมค่ะว่างานฝีมือแท้ๆแต่ราคาไม่แพงเลย
วันนี้พี่แอนใจดี แนะนำขั้นตอนและวิธีการทำดอกชบาให้เราได้ลองไปทำที่บ้านกัน วัสดุอุปกรณ์หลักๆ ก็จะมี ไฟประดับขนาดยาว 3 เมตร กาวใส กรรไกร ใบลานตัดสำเร็จ เปเปอร์ม้วนสีเขียวสำหรับพันฐานดอก
ขั้นตอนการทำ
1. นำใบลานมาแช่น้ำไว้ประมาณ 5 นาทีเพื่อง่ายต่อการขึ้นรูปดอก
2. นำใบลานมาจัดช่อทีละกลีบ พันด้วยด้ายให้แน่น ทำไปเรื่อยๆจนครบ 6 กลีบ ผูกด้ายให้แน่น
3. จัดดอกให้สวยงาม พันทับด้วยเปเปอร์สีเขียวโดยทากาวแล้วพันไปเรื่อยๆเพื่อเป็นฐานดอก (พี่แอนบอกว่าที่ไม่ใช้ฟลอร่าเทปเพราะจะทำให้ย่น)
4. พอเสร็จ 1ดอก ก็ทำต่อให้ครบทั้งเส้น เส้นหนึ่งจะมีทั้งหมด 35 ดอก (ท่าจะเมื่อยแฮะ) เสร็จ 1 เส้น ก็นำไปใช้งานได้เลย
หากเข้าหน้าเทศกาลเมื่อไหร่แล้วคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบในการตกแต่งสถานที่ ก็อย่าลืมนึกถึงไฟประดับฝีมือคนไทยแบบนี้นะคะ แต่จริงๆแล้วไฟประดับสามารถใช้ได้ทุกโอกาสไม่จำเป็นต้องรอให้ถึงเทศกาล เราก็สามารถสร้างสรรค์ความสวยงามได้
ใครใคร่ประดิษฐ์เองก็เชิญเลือกประดิษฐ์ตามความต้องการและความเหมาะสมกับงาน จะได้เอาไว้อวดคนรอบข้างว่าเราก็มีหัวทางด้านนี้เหมือนกัน แต่หากเห็นว่าไม่ไหวแน่ๆ ก็เชิญที่ร้าน “จิดา ไทยคราฟท์” นะคะ แล้วรอพบกับไอเดียส์ ดีดีที่จะนำมาฝากกันในฉบับหน้านะคะ
คอลัมน์ :108 ไอเดียส์
เรื่อง-ภาพ :รุ่งตะวัน เสือสุวรรณ

มุมสนทนา (คอลัมน์ มุมสนทนา)
เพ็ญพักตร์ศิริกุล “ …A DAY AT TIME คือนิยามของสาวสองพันปี”
ถ้าพูดถึงสาวสองพันปีคงไม่มีใครไม่รู้จักเธอ เพ็ญพักตร์ ศิริกุล สาวสวยเซ็กซี่ที่เป็นดาวค้างฟ้าประดับวงการบันเทิงมากว่า 20ปี
จากวันแรกที่เธอย่างก้าวสู่วงการบันเทิงด้วยวัยเพียง16ปี จนปัจจุบันอายุก็ล่วงเข้าาสู่หลักสี่แล้ว แต่เธอก็ยังคงรักษาความงามให้คงอยู่มิเปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมาเราอาจคุ้นชินกับผลงานของเธอในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็น นักร้อง นักแสดง นางแบบ แต่วันนี้เธอได้หันมาจับปากกาในฐานะนักเขียนและเธอก็ทำได้ดีทีเดียว
มุมสนทนาฉบับนี้เราได้รับเกียรติจาก โอโซน พับบลิชชิ่ง ให้มาร่วมงานเปิดตัวหนังสือ “Sexy Forever” ของคุณต่าย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล เรามารู้จักตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่ดูเมื่อไหร่ก็ยังคงสวยเซ็กซี่ มิเสื่อมคลาย เธอมีวิธีการดูแลตัวเองอย่างไร ถึงคงความเป็นเธอมาได้จนถึงทุกวันนี้
ช่วยพูดถึงหนังสือ “สวยเซ็กซี่…สาวสองพันปี”(Sexy Forever)
… พี่ต่ายต้องบอกก่อนเลยว่าตัวพี่จริงๆไม่ได้เซ็กซี่หรอกคนส่วนใหญ่จะมองไปเอง คงเชื่อไม่ได้ เพราะพี่ไม่ได้เซ็กซี่ แต่ว่างานมันทำให้พี่ต้องเปิดโน่นนิดนี่หน่อย หลอกตาคนไปวันๆ เนอะ(พูดแล้วหันมามองทางเรา)หรือน้องคิดว่าไง(หัวเราะ) ส่วนเนื้อหาในหนังสือของพี่ ก็จะใส่ความจริงใจลงไปอะไรที่ทำแล้วเราดูดี ทำให้เราดูสดใสจากข้างในไม่มีสูตรเด็ดเคล็ดลับอะไร ส่วนใหญ่จะเป็นเคล็ดลับจากคุณแม่ เพราะแม่พี่ทำร้านเสริมสวยเลยอยากให้ลูกสวย และเนื้อหาอีกส่วนจะมีชีวิตของพี่ในช่วงต่างๆ เป็นเรื่องที่ไม่เคยพูดที่ไหนมาก่อนเลย ถ้าใครได้อ่านแล้วจะรู้สึกเหมือนคุยกับพี่เอง
อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้เขียนหนังสือ
… คือจริงๆแล้วคนมีชวนเยอะแต่เราไม่สามารถเขียนให้คนอ่านได้ ถ้าเป็นการเขียนเรื่องส่วนตัวเนี่ย คำว่าส่วนตัวเราก็อยากเก็บไว้กับเรา แล้ววันนึงน้องทางสำนักพิมพ์โทรมาหาบอกว่าอยากเขียนหนังสือถึงการรักษาสุขภาพความสวยความงาม เขียนอะไรก็ได้แล้วแต่ความรู้สึกของพี่ต่าย พี่ก็เห็นว่าเออตรงดี ไม่อ้อมค้อมจึงตอบตกลงและถือได้ว่าเป็นแรงบันดาลชวนให้มาเขียนหนังสือ ส่วนในเรื่องการส่งต้นฉบับพี่ต้องขอบคุณทางสำนักพิมพ์นะที่เข้าใจพี่ เพราะพี่จะเป็นคนที่ไม่มีกฎเกณฑ์อะไร เขียนหนังไปเรื่อยๆไม่กดดันตัวเอง พี่ทำไม่ได้ที่ต้องมานั่งขีดตัวเองว่าวันนี้ฉันต้องเขียนอย่างนี้ เขียนประมาณนี้ แบบนี้พี่ไม่ชอบ อะไรที่เป็นแบบต้องสั่ง ไม่งั้นหนังสือพี่ก็คงออกมานานแล้ว(หัวเราะ)
กับฉายาสาวสองพันปี
… ไม่รู้ว่าใครตั้งให้ นานมาแล้วนะเนี่ยคำๆนี้ปัจจุบันนี้ก็ยังหาที่มาที่ไปของคำนี้ไม่ได้เลย แต่สำหรับตัวพี่จริงๆแล้วคือพี่เป็นอย่างที่เห็น(พูดพลางชี้มือที่ตัวเอง)ง่ายๆสบายๆเป็นตัวของตัวเอง จนป่านนี้พี่ยังไม่รู้เลยว่าพี่เซ็กซี่ตรงไหน(ถ้าให้อยู่ถึงสองพันปีเอาไหม)ไม่เอาดีกว่าถึงตอนนั้นไม่รู้จะเป็นยังไง(สวยนะถึงสองพันปีก็ยังสวยอยู่) ถ้าสวยแล้วเพื่อนตายหมด พี่ก็ไม่เอานะ(หัวเราะ) พี่อยู่คนเดียวไม่ได้เพราะพี่ขาดเพื่อนไม่ได้จริงๆนะ(ย้ำ…จริงๆนะ)
การดูแลสุขภาพ
… (ความสวยที่คงทน)พี่จะเป็นคนทานน้อยแต่ทานทุกอย่างยกเว้นของหวาน พี่จะดูแลตัวเองมาตลอดไม่ชอบมีปัญหาแล้วมานั่งแก้ทีหลังเลยต้องดูแลตัวเองให้ดี พี่จะเป็นคนไม่มีวินัยในตัวเองอยากทำอะไรก็ทำ แล้วอีกอย่างพี่เป็นคนขี้เกียจออกกำลังกาย แต่ทำงานบ้านแทน ทำสวนปลูกต้นไม้ ล้างห้องน้ำ ทำความสะอาดบ้านพี่ก็ปัดกวาดเช็ดถูไปเรื่อย พี่ไม่ค่อยไปฟิตเนต ก็เลยไม่ต้องสมัครสมาชิกให้เปลืองตังค์ ถ้าเรารักตัวเอง เราก็ต้องดูแลให้เราดูดี ไม่ต้องให้คนอื่นดู เราดูแล้วเราสบายใจ ไม่ว่าใครมาถามพี่ต่ายจะพูดเสมอว่า “เราต้องรักตัวเองก่อน” (การดูแลรักษาผิว)คืออาชีพมันบังคับให้เราดูแลตัวเอง ถ้าเราปล่อยตัวแล้วจะมีคนมาจ้างเรามั้ยล่ะ จริงไหม? (หันมาถามพร้อมกับหัวเราะ)
ตื่นเช้ามาพี่ก็จะล้างหน้าให้สะอาด โดยใช้น้ำเปล่าธรรมดาเย็นๆเนี่ยแล่ะ ซับหน้าให้แห้งทาครีมกันแดด ควรเลือกใช้ของที่ถูกกับผิวตัวเอง บางครั้งการที่เราซื้ออะไรแพงๆ หน้าเราก็อาจจะไม่ถูกกับของแพงเสมอไป ก่อนนอนพี่ต้องล้างหน้าไม่ว่าจะไปที่ไหนมา กลับดึกดื่นแค่ไหนก็ตาม พี่จะต้องล้างหน้าให้สะอาด คราบเครื่องสำอางเนี่ยพี่จะไม่ให้หลงเหลือไว้เลย แล้วก็บำรุงด้วยมอยส์เจอร์ พอหัวถึงหมอนปุ๊บหลับปั๊บเลย ไม่ฝันไม่มีอะไรทั้งนั้นนี่คงเป็นความโชคดีของพี่
สำหรับผิวกาย พี่จะเน้นไปที่สมุนไพรของไทย ครีมที่ขายกระปุกละ2หมื่นไม่ได้ตังค์พี่แน่นอน หนึ่งพี่คิดว่าอยู่ที่ความเชื่อของคน สองหลอกตัวเอง ตามกระแสเดี๋ยวไม่เก๋ แต่บางคนผิวดูดีแต่ตามกระแสหน้าก็พัง ไม่คุ้มนะที่จะเอาผิวเราไปเสี่ยงบางทีของถูกก็อาจจะดีสำหรับหน้าคุณได้ ข้อเท็จจริงเนี่ยผิวเราสำคัญอย่าเสี่ยงเลย อาจจะเป็นโชคดีของพี่ที่เป็นคนเชียงใหม่ก็เลยได้ผิวที่ดีมาบ้าง
เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่
… 10ขวบ พี่เห็นมาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะว่าคุณแม่พี่เป็นคนส่งนางงามเข้าประกวด พี่ก็จะเห็นตลอดว่าเค้าทำกันยังไง แต่งหน้าแบบไหน และแม่ก็จะแนะนำตลอดว่าลูกควรทำแบบนี้ ตรงนี้ลูกต้องดูแลแบบนี้ ก็เห็นมาตั้งแต่เด็ก ใช้เครื่องสำอางมาตั้งแต่เด็ก ถามว่าชอบไหมก็ไม่ชอบนะ แต่เราชิน
ถ้าอยากเป็นสาวสองพันปีจะเริ่มดูแลตัวเองอย่างไร เริ่มตอนนี้ทันไหม
… จริงๆแล้วอยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ใจเรา ความสวยเนี่ยเช้ามาเราก็ต้องดูว่าเราสวยสดใส ไม่ต้องไปสนใจว่าจะสวยให้คนอื่นดูตัวเองนั่นล่ะที่ต้องดู ต้องคิดว่าทำให้ตัวเองมีความสุข ทำไปเรื่อยๆไม่ต้องคิดว่าพอถึงวัยร่วงโรยแล้วก็หยุด สำหรับพี่ส่วนตัวถ้าวันไหนไม่ถ่ายละครหรือไม่ออกงาน พี่ต่ายจะไม่โบ๊ะ จะทาครีมปกติ ทาแป้งนิดหน่อยอย่าไปยุ่งอะไรกับเขาเยอะ ส่วนใครที่หมดหวังกับความงาม ถึงแม้เราจะไม่สวยแต่เราก็ดูดี ไม่ว่าจะอ้วนผอม หรือมีข้อเสียอะไร เราก็ต้องดูว่าเราดูดีตรงไหน ทุกคนต้องมีสิ่งดีๆในตัวเองถ้าเรามัวไปปิดคนอื่นก็ไม่รู้ว่าเรามีอะไรดี เรามีอะไรดีก็โชว์นิดนึงแต่ต้องรู้จักกาละ เทศะในการแต่งตัว
วิธีพิชิตความเครียด
… พี่เป็นคนไม่เครียดนะ เป็นคนคิดอะไรแป๊บๆ แว๊บๆ ไม่ค่อยใส่ใจอะไร รู้สึกว่าทำไมเราต้องมานั่งเป็นทุกข์เรื่องอะไรเยอะแยะ คนเราเกิดมามันก็เป็นทุกข์อยู่แล้วเพียงแต่ว่าเราต้องมองอะไรให้ธรรมดาง่ายๆ ไม่คิดอะไรไม่เครียดกับอะไร ก็อย่างที่บอกพอหัวถึงหมอนพี่ก็หลับ และอีกอย่างพี่เป็นคนไม่ชอบมีปัญหา เลยไม่ต้องมานั่งแก้ทีหลัง ไม่ชอบมีปัญหาอะไรกับใครเลี่ยงได้พี่ก็จะเลี่ยง
สไตล์การแต่งตัว
… สบายๆง่ายๆ เสื้อยืด กางเกงยีนส์ รองเท้าบู๊ต อย่างที่เห็นๆกันอยู่ทุกวันเนี่ยแหล่ะคือตัวพี่
การแบ่งเวลาในแต่ละวันเป็นอย่างไรบ้างคะ ให้ความสำคัญกับอะไรเป็นอันดับแรก
… งานมาเป็นอันดับแรก คนที่เป็นแฟนพี่ ลูกชายพี่ เขาจะเข้าใจว่าเราทำงานตรงนี้หาเวลาส่วนตัวยาก เพื่อนพี่ก็รู้ดี พอวันไหนว่างพี่ก็จะนัดเจอกัน ถ้าช่วงไหนไม่ได้โทรหานัดเจอกันเพื่อนจะรู้ว่าช่วงนี้พี่ทำงานหนัก
นอกเหนือจากงานละคร มีกิจการอย่างอื่นอีกมั้ย
… ไม่มีค่ะ (อยากมีกิจการอะไรเป็นของตัวเองหรือเปล่า) ไม่ค่ะ เคยทำแล้วไม่สำเร็จเท่าที่ควร เคยทำแล้วโดนโกง พี่ทำผับพอขาดทุนก็เลยไม่ทำแล้ว ถามว่าเข็ดไหม พี่ว่าไม่นะแต่มันเสียความรู้สึกมากกว่า คิดว่าไม่ทำดีกว่า สบายใจกว่า เป็นหุ้นปุ๊บเราก็ต้องไปนั่งร้านเรา ไม่ค่อยมีอิสระ
คิดอย่างไรกับการศัลยกรรม
…ในมุมมองของพี่ พี่คิดว่าพ่อแม่ให้มายังไงก็ควรพอใจในสิ่งที่มีอยู่ เพราะมันเป็นธรรมชาติและการศัลยกรรมมันเป็นผลระยะสั้น เราต้องทำให้ตัวเองดูดีสมกับวัย การดูแลตัวเองบางคนคิดว่าไม่มีเวลา แต่เราต้องรักตัวเอง ก็ต้องดูแลให้ดูดี อย่างเวลานอนดูทีวีเนี่ยเอาเวลาตรงนั้นมายืนออกกำลังกายขยับตัวไปมาดีกว่าเรานอนดูทีวีอยู่เฉยๆ อย่าปล่อยปละละเลย
วางเป้าหมายชีวิตในอนาคตไว้อย่างไร
… พี่ยังไม่มองชีวิตในอนาคต เราไม่สามารถมองได้ ไม่สามารถขีดเส้นให้ตัวเองได้ว่าอายุสักเท่านี้ฉันจะทำอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่ชอบวางแผน ก็ปล่อยไปอย่างวันนี้มีความสุข พรุ่งนี้เรามีงานทำก็โอเคทำไป
ก่อนจากกันในวันนี้พี่ต่ายได้ฝากข้อคิดทิ้งท้ายไว้ว่า “อย่ายึดติดกับอะไรมากมาย หมดอะไรก็หมดได้ แต่ขออย่าหมดความเป็นตัวเองไปเท่านั้น เมื่อวานเป็นแค่ความฝันพรุ่งนี้ก็เป็นเพียง มโนภาพ..เพราะฉะนั้น..จงเตรียมตัวต้อนรับวันนี้ A DAY AT A TIME…นั่นจริงที่สุดแล้ว”
ทั้งหมดนี่ก็คือมุมมองของผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง ที่เราชาวสวยด้วยแพทย์มีโอกาสได้สัมผัส และพูดคุยกับเธอ เราอยากบอกกับเธอว่า เธอคือผู้หญิงที่“Sexy Forever”จริงๆ
ท้ายที่สุดนี้มุมสนทนาขอขอบคุณฝ่ายประชาสัมพันธ์โอโซนพับบลิชชิ่ง สำหรับรูปประกอบคอลัมน์
ขอคำโปรยแบบนี้ค่ะ
“อย่ายึดติดกับอะไรมากมาย หมดอะไรก็หมดได้ แต่ขออย่าหมดความเป็นตัวเองไปเท่านั้น เมื่อวานเป็นแค่ความฝันพรุ่งนี้ก็เป็นเพียง มโนภาพ..เพราะฉะนั้น..จงเตรียมตัวต้อนรับวันนี้ A DAY AT A TIME…นั่นจริงที่สุดแล้ว”
คอลัมน์ :มุมสนทนา(มิถุนายน 2547)
เรื่อง-ภาพ:รุ่งตะวัน เสือสุวรรณ

แวะชิมริมทาง
“ดื่มด่ำกับบรรยากาศสบายๆพร้อมอาหารที่หลากหลายในสไตล์กินดื่ม” (คอลัมน์ แวะชิมริมทาง)
จากประสบการณ์ที่สั่งสมมาพร้อมกับความเจริญเติบโตของ บริษัท กินดื่ม ทูซิท จำกัด ซึ่งบริหารและดูแลโดยคุณโตสิต วิสาลเสสถ์ จึงทำให้บริษัท ณ วันนี้มีร้านในเครือถึง 6 ร้านด้วยกัน หนึ่งในนั้นคือ “กินดื่มสยาม” ตั้งอยู่ในสยามสแควร์ซอย 2 วันนี้เราจะพาท่านมาสัมผัสกับร้านอาหารสไตล์เก๋ ที่มีทั้งอาหารรสเยี่ยมและเครื่องดื่มรสเลิศ
แม้ว่าจะเปิดตัวเองมาได้ไม่ถึงปี แต่ความลงตัวที่พอดีๆของร้าน ทำให้กินดื่มสยาม มีลูกค้าเข้ามาเยี่ยมเยียนอย่างไม่ขาดสาย อาหารก็มีให้เลือกมากมาย พร้อมทั้งบรรยากาศสบายๆของร้านที่ตกแต่งด้วยสไตล์ไม้ผสานกับภาพพิมพ์ขาว-ดำที่ดูเข้ากันอย่างลงตัว
คุณแป้งผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายการตลาดและสมาชิกสัมพันธ์ตัวแทนของคุณโตษิต ได้เล่าให้เราฟังว่า “กินดื่ม” เป็นชื่อของร้านอาหารที่ประเทศลาว ซึ่งแปลว่าร้าน ดังนั้น “กินดื่มสยาม” ก็คือ “ร้านสยาม” กินดื่มเป็นภาษาง่ายๆที่ตรงตัว คนฟังแล้วเข้าใจเลยว่ามาทานข้าว มากิน มาดื่ม
เมื่อได้ก้าวเข้ามาในร้านเราจะรู้สึกได้ถึงความโปร่งโล่งสบายตาไม่อึดอัด โต๊ะไม้วางเรียงรายดูสวยงามไม่รกตา อีกทั้งยังมีเทียนหอมไว้คอยบริการความโรแมนติค เพื่อให้คุณได้สัมผัสความรู้สึกอันโรแมนติคกันจนลืมคนรอบข้างไปเลยทีเดียว หากมองไปรอบๆร้านจะเห็นว่าผนังตกแต่งด้วยภาพพิมพ์ขาว-ดำของสถานที่ต่างๆในเมืองไทย ดูมีมิติจึงทำให้เรารู้สึกถึงบรรยากาศอันสุดแสนจะเรียบง่ายของร้านนี้
ในส่วนของอาหารยืนยันได้ถึงมาตรฐานของร้าน เพราะมีหัวหน้าฝ่ายโภชนาการคอยควบคุมดูแลในเรื่องคุณภาพและรสชาติของอาหารให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกันทั้ง 6 สาขา ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาทางด้านความอร่อยที่ไม่เท่าเทียมกัน
ทางร้านมีอาหารมากมายหลายประเภทไว้รองรับความต้องการของลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นประเภทยำ วันนี้เรามี 2 ยำมาแนะนำ เมนูแรกคือยำทูซิท-กินดื่ม เป็นยำทะเลกับไข่เยี่ยวม้ารสไม่เปรี้ยวจัดจ้านเกินพอดี เมนูต่อมาคือยำสามสหาย จะมีเห็ด 3 ชนิดด้วยกันคือเห็ดหิมะ เห็ดหูหนู เห็ดฟางเติมความอร่อยด้วยกุ้งสด คลุกเคล้ากันออกมาเป็นเมนูที่มีรสชาติกลมกล่อม
หากอยากได้อาหารที่หนักท้องขึ้นมาอีกหน่อย ก็ต้องปลาทับทิมทอดกรอบราดกะเพรากรอบ ปลาทับทิมทอดที่กรอบนอกนุ่มในราดหน้าด้วยน้ำผัดกะเพรา โรยหน้าด้วยกะเพรากรอบ และเขียวหวานไก่ห่อไข่ ที่นำแกงเขียวหวานไก่แบบข้นๆมาห่อด้วยไข่หนานุ่มอร่อยจนต้องยกนิ้วให้เลย
อีกสองจานต่อมาถือได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของร้าน กินดื่ม ไปแล้วคือ แกงส้มชะอมทอด น้ำแกงที่เข้มข้นด้วยรสหวานอมเปรี้ยวอย่างลงตัว ผสานกับไข่ชะอมทอดที่ชุ่มไปด้วยน้ำแกงส้มนิดๆเคี้ยวได้รสชาติแปลกไปอีกแบบ เมนูสุดท้ายลาบหมูทอดเป็นเมนูที่ป้าไรหัวหน้าโภชนากรยอมเปิดเผยสูตรเด็ดให้เราลองทำทานกัน ก่อนอื่นต้องปรุงน้ำลาบให้ได้รสชาติที่เราต้องการ หลังจากนั้นเอาหมูลงไปคลุกกับน้ำลาบที่เราเตรียมไว้ให้พอดีอย่าให้มีน้ำมากเกินไป แล้วปั้นให้เป็นลูกกลมๆ นำมาทอดในน้ำมันไฟปานกลาง ป้าไรบอกว่าถ้าไฟแรงไประวังไหม้นะคะ เสิร์ฟพร้อมกับเครื่องเคียงของลาบตามปกติ เท่านี้เราก็จะได้อร่อยกับลาบหมูทอดแบบง่ายๆสไตล์กินดื่มได้แล้วนะคะ หากนึกรสชาติไม่ออกลองไปชิมที่กินดื่มสยามได้
คุณแป้งฝากบอกกับเราว่าตอนนี้ที่ร้านเปิดตอนกลางวันด้วย เราจึงมีอาหารชุดในราคาแสนสบาย เพียงชุดละ 60 บาทคอยบริการท่านในเวลา 12.00 น.-15.00 น. ขอแถมท้ายด้วย ร้านกินดื่มสยามเปิดบริการตั้งแต่เวลา 12.00 น.-24.00 น. หากผ่านไปมาแถวๆนั้น ก็อย่าลืมแวะเวียนเข้ามาสัมผัสกับอาหารรสเยี่ยมผสานด้วยบรรยากาศสบายๆสไตล์กินดื่มกันนะคะ
คอลัมน์ :แวะชิมริมทาง
เรื่อง-ภาพ :รุ่งตะวัน เสือสุวรรณ

เมืองไทยน่าเที่ยว
“ตลาดน้ำดอนหวาย ของดีใกล้เมืองกรุง” (คอลัมน์เมืองไทยน่าเที่ยว)
เมืองไทยน่าเที่ยวฉบับนี้ขอพาท่านไปพบกับชุมชนตลาดน้ำโบราณที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯมากนัก และถึงแม้จะอยู่ใกล้ตัวเมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายและผู้คนที่มากมาย แต่ที่นี่ก็ยังคงรักษาความเก่าแก่และความเป็นตลาดน้ำไว้ได้อย่างน่าทึ่งทีเดียว
“ตลาดน้ำดอนหวาย” เป็นตลาดริมน้ำซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลบางกระทึก หลังวัดคงคารามดอนหวาย หรือที่เรียกกันติดปากว่าวัดดอนหวาย เป็นตลาดที่คงสภาพตลาดเก่าในอดีตสมัยรัชกาลที่ 6 ให้เห็น ลักษณะตัวอาคารเป็นอาคารไม้เก่าๆ อยู่ติดริมแม่น้ำท่าจีนมีพ่อค้า แม่ค้า พายเรือนำสินค้าและอาหารมาจำหน่ายในบริเวณวัดดอนหวาย
การเดินทางหากมาทางถนนเพชรเกษม สามารถนั่งรถโดยสารประจำทางบขส.สายนครปฐม หรือ สายสามพรานใช้เวลาประมาณ 45 นาที แล้วมาลงที่ทางแยกเข้าวัดไร่ขิงนั่งรถสองแถวมาลงที่ตลาดได้เลย และยังมีรถตู้บริการที่ท่ารถบริเวณห้างพาต้าปิ่นเกล้าค่ารถที่นั่งละ25 บาท ใช้เวลาวิ่ง 30 นาทีก็ถึงวัด หากมาโดยรถยนต์ส่วนตัวให้ขับมาทางถนนบรมราชชนนี แล้วเลี้ยวเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 5 ต่อจากนั้นให้สังเกตจะมีป้ายบอกทางตลอดจนถึงวัด
ทางทีมงานของเรา เริ่มออกเดินทางตอนช่วงสายๆ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เดินทางมาถึงตลาดแล้ว โชคดีที่มาแต่เช้าจึงหาที่จอดรถได้ไม่ยากนัก เห็นว่าที่จอดรถเยอะแยะขนาดนี้แต่รอดูสายอีกหน่อยจะรู้ว่าที่จอดรถที่นี่แคบไปถนัดตาเลยทีเดียว พอก้าวลงจากรถทางเดินที่จะเข้าตลาดน้ำต้องเจอกับวัดคงคารามดอนหวายก่อนเราจึงเข้าไปไหว้พระในอุโบสถ ปิดทองพระประจำวันเกิด หากใครอยากถวายสังฆทานที่มีก็มี แล้วเราจึงเริ่มออกเดินสำรวจตลาดกัน
สภาพตลาดดอนหวายเป็นเพิงบ้าง เป็นห้องแถวไม้บ้าง ขนานไปกับแม่น้ำท่าจีน มีทางเดินระหว่างห้องแถวสองข้าง ไม่กว้างมากนัก ของที่ขายส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดเป็นของกิน ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน อาหารสด อาหารแห้ง ผลไม้ และยังรวมไปถึงต้นไม้ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ของตกแต่งบ้านเรียกได้ว่ามีของครบครันเลยทีเดียว
เริ่มจากอาหารคาวที่ดูเหมือนจะขึ้นชื่อมากที่สุดก็คือเป็ดพะโล้มีให้เลือกแวะชิมหลายร้าน แต่ละร้านล้วนมีรางวัลเป็นเครื่องการันตีให้กับร้านตัวเองกันทั้งนั้น บ้างก็เอาเป็ดมาเรียงเป็นร้อยๆตัวหน้าร้าน หลังร้านเป็นแพไว้บริการสำหรับคนที่อยากจะนั่งรับประทานอาหารไปชมวิวริมแม่น้ำไป หรือจะซื้อกลับบ้านก็ไม่มีใครว่ากัน นอกจากนี้ก็ยังมีพวก อาหารทะเล ก๋วยเตี๋ยวเรือ ปลาแรดทอด ปลาตะเพียนแม่น้ำต้มเค็ม หรือจะเป็นกับข้าวก็มี
ของหวานที่ขึ้นชื่อของที่นี่ก็มี ขนมตาล ทองหยอด ขนมชั้น ขนมสาลี่ ทองม้วนสด ขนมลอดช่อง นอกจากนั้นยังมีขนมไทยแปลกๆที่หาดูได้ยากในปัจจุบันอีกเยอะเลยไม่ว่าจะเป็น กระทงทอง ทองเอก เสน่ห์จันทร์ ไม่เว้นแม้กระทั่งของดองต่างๆ เห็นแล้วดูน่าซื้อไปหมดแต่ปัญหาคือ ไม่มีมือจะหิ้วของและท้องก็คงรับอาหารทั้งหมดไม่ไหวแน่ ในส่วนของผลไม้ ถ้ามาถึงนครปฐมก็ต้องส้มโอ มีให้เลือกหลายพันธุ์ทั้งขาวน้ำผึ้ง ขาวแป้น และทองดี นอกจากนี้ยังมี มะพร้าวสวน ชมพู่ ลูกตาลสด ฝรั่งไทย ขนุนบางเตยเหลือง และผักสดๆอีกมากมายหลายหลากให้เราได้เลือกซื้อกันแบบลืมความเหน็ดเหนื่อยไปเลยทีเดียว
นอกจากความบันเทิงที่ได้ดูและเลือกซื้อของกินแล้ว ยังมีบริการนำเที่ยว โดยล่องเรือไปตามแม่น้ำท่าจีนด้วยเรือเอี้ยมจุ๊นและเรือกระแชงโบราณที่หาล่องได้ยากในปัจจุบัน เพื่อชมทัศนียภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ธรรมชาติสองฝั่งแม่น้ำ วัดวาอาราม ภูมิปัญญาชาวบ้านและเพลิดเพลินกับฝูงปลาสวายและปลาเทโพที่ว่ายตามเรือมากมาย สนนราคาล่องเรือที่นั่งละ 25 ถึง 80บาท ซึ่งมีเรือจากผู้ประกอบการเอกชนให้เลือกนั่งหลายรายในหลากหลายเส้นทาง
หากเหน็ดเหนื่อยจากการเดินจับจ่ายซื้อข้าวของกันมามากพอแล้วก็สามารถแวะนั่งพักที่ศาลากลางน้ำได้ จะนั่งพักรับลมเล่นเฉยๆ หรือถ้ากลัวเหงาก็ซื้อขนมปังมาให้อาหารปลาก็ได้นะ
ตลาดดอนหวายเปิดบริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 น.-18.00 น. แต่ในวันหยุดสุดสัปดาห์ก็จะมีร้านรวงต่างๆมาขายมากหน่อยเนื่องมาจากมีผู้คนนิยมมากันในวันสุดสัปดาห์กันมาก
หากเวลาในวันหยุดสุดสัปดาห์ของท่านมีไม่มากนักก็ขอเชิญชวนมาตลาดดอนหวายนะคะเพราะใช้เวลาในการเดินทางไม่มาก แถมเพลิดเพลินไปกับการจับจ่ายซื้อของได้แทบจะทุกชนิดโดยที่ไม้ต้องไปแวะที่อื่นให้เหน็ดเหนื่อยอีก ถ้าได้แวะเข้ามาสักครั้งท่านจะรู้ว่าคุ้มค่ากับการมาเยือนเลยทีเดียว
คอลัมน์ : เมืองไทยน่าเที่ยว
เรื่อง-ภาพ : รุ่งตะวัน เสือสุวรรณ

บุคคลอ้างอิง : ไม่เปิดเผย


Powered by www.BuddyJob.com




BuddyJob.com © Copyright 2004-2025 All right reserved. | ข้อตกลงการใช้บริการ |